คำอธิบายและการวิเคราะห์
จากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานณการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คลี่คลายลง ส่งผลให้ภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนเพื่อสร้างเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ ขององค์กร ทำให้ตลาดกลุ่มภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่เติบโตมากขึ้น
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ จำนวน 9,368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ รายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ และรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองลดลง สะท้อนความสามารถในการนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการขยายขอบเขตการขายเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 12.8 ถึงแม้ว่ามีการกลับรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตาม TFRS 9 ลดลง 41 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2564 ได้มีการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่ง บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 245 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24
รายได้
บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้
- รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ จำนวน 2,873 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 70 มาจากการขายอุปกรณ์ประมวลผล (Server) อุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Storage) และคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาคราชการและเอกชนเริ่มทยอยการลงทุนด้านไอทีเพิ่มขึ้นจากที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา
- รายได้จากผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ จำนวน 3,394 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 29 รายได้หลักยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของ Microsoft และมีรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในปีนี้
- รายได้จากผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง จำนวน 1,526 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 5 ซึ่งเกิดจากแนวโน้มธุรกิจยุคดิจิทัลที่มีการใช้กระดาษลดลงซึ่งส่งผลต่อการสั่งซื้อวัสดุสิ้นเปลือง ประกอบกับหลายๆ องค์กรยังคงมีนโยบาย Work from home อย่างต่อเนื่อง
- รายได้จากการให้บริการ จำนวน 1,576 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 24 รายได้จากการให้บริการหลักๆ ของบริษัทส่วนใหญ่สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้จากการให้บริการ Cloud Solution และการให้บริการการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาด้าน Cyber Security สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น
อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 12.8 ลดลงจากปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ 14.7 เนื่องจากรายได้จากโครงการใหญ่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงประกอบกับรายได้จากผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น
ค่าใช้จ่าย
ในส่วนของค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย
- ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27 ล้านบาท เมื่อเทียบสัดส่วนต่อรายได้จากการขายสินค้าและบริการในปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.1 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 12.8 โดยเพิ่มขึ้นทั้งจากค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร โดยค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้น
- ต้นทุนทางการเงินลดลงจากปีก่อน 3 ล้านบาท เมื่อเทียบสัดส่วนต่อรายได้จากการขายสินค้าและบริการในปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.10 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เล็กน้อยที่มีสัดส่วนร้อยละ 0.09
- การกลับรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตาม TFRS 9 ลดลง 41 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2564 ได้มีการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่ง
- ภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2565 บริษัทมีกำไรก่อนภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบสัดส่วนต่อรายได้จากการขายสินค้าและบริการในปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.7 เท่ากับปี 2564
บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 245 ล้านบาท เทียบกับปี 2564 จำนวน 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 48 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24
ด้านอัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไร บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิคิดเป็นร้อยละ 2.6 ลดลงจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 2.7 ส่วนของอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นมีอัตราร้อยละ 12.1 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งมีอัตราร้อยละ10.2
สินทรัพย์
สิ้นปี 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,263 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปี 2564 สินทรัพย์รวมประกอบด้วยสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 3,673 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ต่อสินทรัพย์รวม และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจำนวน 895 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ต่อสินทรัพย์รวม สาเหตุที่ทำให้สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเกิดจาก
- สินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 3,673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,298 ล้านบาท เกิดจากลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 816 ล้านบาท สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 537 ล้านบาท สินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท ส่วน เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง 39 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง 28 ล้านบาท สินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญาลดลง 7 ล้านบาท และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นลดลง 5 ล้านบาท
ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น
บริษัทมียอดลูกหนี้การค้าหลังหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 2,058 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 751 ล้านบาท ลูกหนี้อัตราร้อยละ 59 เป็นลูกหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระเงิน ส่วนลูกหนี้ที่เหลืออัตราร้อยละ 41 เป็นลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการติดตามชำระเงิน โดยมีลูกหนี้เกินกำหนดชำระน้อยกว่า 3 เดือนจำนวน 788 ล้านบาท ลูกหนี้ที่เกินกำหนดชำระมากกว่า 1 ปี จำนวนเงิน 2 ล้านบาท และมีลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินตามกฎหมาย 63 ล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระและติดตามทวงถาม บริษัทมีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เท่ากับ 13 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 0.6 ของลูกหนี้ทั้งหมด บริษัทมีระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย ในปี 2565 เท่ากับ 66 วัน ซึ่งตามนโยบายบริษัทให้เครติดเทอมลูกค้าส่วนใหญ่ในการชำระค่าสินค้าอยู่ที่ประมาณ 30-60 วัน ส่วนลูกหนี้การค้าที่ยังไม่เรียกเก็บ ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท
ลูกหนี้หมุนเวียนอื่น ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
สินค้าคงเหลือ
บริษัทมีสินค้าคงเหลือหลังหักค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้า ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 537 ล้านบาท สินค้าคงเหลือของบริษัทจะแบ่งออกได้เป็นสินค้าสำเร็จรูป งานโครงการระหว่างทำ และ สินค้าระหว่างทาง ระยะเวลาการขายเฉลี่ย 25 วัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารจัดการในการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงของบริษัทฯ
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจำนวน 895 ล้านบาท ลดลง 35 ล้านบาท เกิดจากที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) ลดลง 25 ล้านบาท ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าลดลง 20 ล้านบาท เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกันลดลง18 ล้านบาท และสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีลดลง 4 ล้านบาท ส่วนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท สินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่นเพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท และสินทรัพย์สิทธิการใช้เพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท
กระแสเงินสด
ณ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมียอดเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากับ 89 ล้านบาท ลดลง 39 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท จำนวน 315 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไรสำหรับปีก่อนการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานจำนวน 414 ล้านบาท ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่น 817 ล้านบาท สินค้าคงเหลือ 535 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ที่ลดลงได้แก่ สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 28 ล้านบาท ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าการเงิน 17 ล้านบาท สินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญา 7 ล้านบาท และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินที่เพิ่มขึ้นได้แก่ เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น 700 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีเงินสดใช้ไปในกิจกรรมดำเนินงาน 186 ล้านบาท และบริษัทมีจ่ายผลประโยชน์พนักงาน 62 ล้านบาท จ่ายภาษีเงินได้สุทธิ 67 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมการลงทุนของบริษัท มีจำนวน 37 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้จ่ายเพื่อซื้อตราสารทุนหรือตราสารหนี้ของกิจการอื่นสุทธิ 20 ล้านบาท จ่ายเพื่อซื้อทรัพย์สินถาวรและสินทรัพย์ไม่มีตัวตน 48 ล้านบาท และมีเงินสดรับจากเงินฝากค้ำประกัน 18 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับ 12 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมการจัดหาเงินของบริษัท มีจำนวน 313 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีเงินสดรับจากการกู้ยืมระยะสั้นสุทธิ 482 ล้านบาท มีการจ่ายเงินปันผล 137 ล้านบาท จ่ายชำระเงินคืนหนี้สินตามสัญญาเช่า 19 ล้านบาท จ่ายต้นทุนทางการเงิน 10 ล้านบาท และจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทอื่น 4 ล้านบาท
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
ณ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 1.2 เท่า เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่เท่ากับ 0.7 เท่า โดยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ขณะเดียวกันส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิของปี อย่างไรก็ตามหนี้สินทั้งหมดเป็นหนี้สินที่เกิดจากการดำเนินงานตามปกติของบริษัท
อัตราส่วนความสามารถชำระภาระผูกพันในปี 2565 เท่ากับ 0.6 เท่า ลดลงจากปี 2564 ที่เท่ากับ 2.7 เท่า โดยบริษัทมีกำไรก่อนภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 38 ล้านบาท แต่ทางด้านหนี้สินระยะสั้นที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 482 ล้านบาท จากเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ส่วนหนี้สินตามสัญญาเช่าที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี ลดลง 6 ล้านบาท และส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทอื่นที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี ลดลง 4 ล้านบาท
อัตราส่วนสภาพคล่องของบริษัท ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 1.6 เท่า ลดลงจากปี 2564 ที่เท่ากับ 2.2 เท่า เกิดจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น มีระยะเวลาชำระหนี้เพิ่มขึ้นจาก 35 วัน เป็น 42 วัน และมีเงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้น ส่วนลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่น และสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยมีระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น จาก 63 วัน เป็น 66 วัน และระยะเวลาการขายสินค้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 19 วัน เป็น 25 วัน ส่วนอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 0.9 เท่า ลดลงจากปี 2564 ที่เท่ากับ 1.3 เท่า
หนี้สิน
หนี้สินรวม ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 2,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,165 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน หนี้สินรวมประกอบด้วยหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 2,277 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 91 ต่อหนี้สินรวม และหนี้สินไม่หมุนเวียนจำนวน 215 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9 ต่อหนี้สินรวม สาเหตุที่ทำให้หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นเกิดจาก
- หนี้สินหมุนเวียนจำนวน 2,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,185 ล้านบาท เกิดจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 690 ล้านบาท โดยมีเจ้าหนี้การค้าเท่ากับ 1,288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 688 ล้านบาท ส่วนเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นมีจำนวนเท่ากับ 343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายค้างจ่าย เงินมัดจำและเงินรับล่วงหน้า มีเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 492 ล้านบาท หนี้สินทางการเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท ส่วนทางด้านเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบริษัทอื่นลดลง 10 ล้านบาท ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีลดลง 6 ล้านบาท ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทอื่นที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีลดลง 4 ล้านบาท และประมาณการหนี้สินหมุนเวียนสำหรับผลประโยชน์พนักงานลดลง 1 ล้านบาท
- หนี้สินไม่หมุนเวียนจำนวน 215 ล้านบาท ลดลง 21 ล้านบาท เกิดจากประมาณการหนี้สินไม่หมุนเวียนสำหรับผลประโยชน์พนักงานลดลง 29 ล้านบาท ส่วนหนี้สินตามสัญญาเช่าเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้น
ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม ณ สิ้นปี 2565 เท่ากับ 2,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรสุทธิในปี 2565 จำนวน 245 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.38 บาท รวมเป็นเงิน 137 ล้านบาท
บริษัทได้ทำสัญญาเช่าดำเนินงาน ดังนี้:
- สัญญาเช่าและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง มีระยะเวลา 1 – 5 ปี เป็นสัญญาที่ยกเลิกไม่ได้ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องจ่ายในอนาคตภายใน 1 ปี เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท หลังจาก 1 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท
บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลไว้แล้วในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ 35 ของงบการเงินปี 2565